วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

เครปอร่อยมากร้านนี้

           วันก่อนมีโอกาส ไปเยี่ยมเพื่อนและได้แวะหาของกิน แถวลาดพร้าว101 พอดีอยากกินเครปญี่ปุ่น เลยลองถามเพื่อนดู เพื่อนบอก มีร้านเครปอยู่ตรงข้ามปั๊มบางจาก อร่อยมาก เพื่อนมันก็อยากกิน เลยไปลองทานดู อือ อร่อยจริงแฮะ เนื้อแป้งหนากรอบมาก กินแล้วไม่เหมือนที่อื่น และสั่งแป้งนิ่ม ขอบแป้งหนานุ่ม ผสมกับไส้ที่มีความหลากหลาย น่ากินมากกก ใครผ่านไปแถวนั้นนะลองแวะชิมดู ทางเจ้าของร้านการันตีเลยนะ ว่าอร่อยที่สุดในย่านนั้นเลยทีเดียว อ้อ ชื่อร้าน poppe crepe นะ


หลากไส้ให้เลือก "รอหน่อยอร่อยแน่ "

 แฮม ชีส ปูอัด กรอก ซอสพิซซ่า อร่อยมากๆ

อยากเป็นนักเขียน


อยากเป็นนักเขียนต้องทำยังไง?


นี่คือคำถามที่เด็กรุ่นหลังอยากรู้มากครับ
ดังนั้นนักเขียนมืออาชีพและนักทำหนังสือหลายคนจึงแนะนำไว้ว่า
จง 'เขียนครับ’
ง่ายๆ สั้นๆ 
แต่ดันเป็นเรื่องจริงสุดๆ
ถึงแม้จะอ่านแล้วรู้สึกว่า
อ้าว แล้วยังไงต่อล่ะเนี่ย
โห แค่นี่เองเรอะ
อุตส่าห์ทนรอฟังวิธีเด็ดๆ มาตั้งนาน
แต่คำตอบมีแค่เนี่ย
ครับ ยืนยันอีกทีว่ามีแค่เนี่ยจริงๆ
แม้มันอาจดูใจร้ายไปหน่อย
แต่ก็เป็นจริงที่สุดแล้ว


แต่ว่าสำหรับใครที่ยังอยากเป็นนักเขียน(อยู่)
นอกจากวิธีข้างต้นแล้ว
ผมก็อยากลองแนะนำเพิ่มเติมอีกข้อว่า
‘จงทำงานครับ’ เพิ่มเข้าไปด้วย
หมายความว่า...
ทำงานอะไรก็ได้ครับ
สักงานที่คุณคิดว่าทำได้ดีที่สุด
หากมีคำถามต่อว่าทำไมล่ะ
คำตอบอยู่ตรงนี้ครับ


1.ปู่รงค์ วงษ์สววรค์ เคยเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่สยามรัฐมาก่อน
2.น้าชาติ กอบจิตติ เคยทำกระเป๋าหนังขายพร้อมเขียนหนังสือไปด้วย จนมั่นใจว่ามีที่ทางแล้วจึงออกมาเขียนหนังสืออย่างเดียว
3.ป๋าวินทร์ เลียววาริณ เป็นสถาปนิก 5 ปี หลังจากนั้นทำโฆษณามาตลอด ขนาดได้ซีไรต์มา 2 สมัย ก็ยังไม่หยุดทำโฆษณา จนวันหนึ่งบริษัทที่ทำงานลิกกิจการ แล้วตัวเองขี้เกียจสมัครงาน(ใหม่) จึงมีโอกาสมาเป็นนักเขียนเต็มตัว
4.พี่อ้วน วิรัตน์ โตอารีย์มิตร เคยทำงานนิตยสารมาก่อน หลังจากนั้นถึงกลายมาเป็นคอลัมน์นิสต์ที่งานชุกที่สุดคนหนึ่งของยุค
5.พี่เอ๋นิ้วกลม ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำโฆษณาไม่หยุด ตั้งแต่การเป็นก๊อปปี้ไรเตอร์ จนตอนนี้กลายมาเป็นผู้กำกับเต็มตัวแล้ว
6.พี่ก้องทรงกลด ยังตั้งใจทำนิตยสารอย่างขะมักขะเม้นทั้งๆ ที่มีต้นฉบับรอปั่นอยู่อีกหลายเล่ม โดยเฉพาะเล่มที่เดินทางไกลในรถไฟสายที่ยาวที่สุดในโลก และโปรเจกต์ที่ชื่อแสนงามอย่าง ‘โปรดอ่านใต้แสงเทียน เพราะผมเขียนใต้แสงดาว’
7.คุณหมอพรทิพย์ เป็นหมอนะครับ แต่ออกหนังสือเยอะกว่าบางคนที่ตั้งใจเป็นนักเขียนอีก
8.นักการตลาดบางคน ไม่ต่างจากคุณหมอพรทิพย์ครับ ไม่ได้เป็นนักเขียนอาชีพ แต่ออกหนังสือไปแล้ว 20 เล่ม
9.รู้จักพี่วิชัย กับ บองเต่า กันใช่ไหมครับ 2 คนนี้ สร้างงานเขียนมากจากการ ‘ทำงาน’ ล้วนๆ นะ
10. นักมวยเหรียญทองโอลิมปิกและดารามีหนังสือเป็นของตัวเองก็เพราะการทำงานล้วนๆ ครับ (ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เรียกเขาว่านักเขียนก็ตาม)

แถมท้ายให้
-ลุงฮารูกิ มูราคามิ ผู้เป็นนักเขียนที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น(ยุค 90) ก็เคยทำผับแจ๊สอยู่ 10 กว่าปี นิยายเล่มแรกที่ออกมานี่ว่าด้วยบรรยากาศในบาร์เหล้าเต็มๆ เลยครับ
-ลุงสตีเฟน คิง ราชานิยายสยองขวัญแห่งอเมริกา เคยทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในเมืองแฮมปเดน ในรัฐเมน(ทั้งๆ ที่อยากเขียนนิยายอย่างเดียวมาตั้งนานแล้ว) แล้ววันหนึ่งเขาก็เขียนนิยายเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านของเด็กหญิงวัยมัธยมคนหนึ่งขึ้น ก่อนขยำทิ้งลงถังขยะไป ทว่าเมื่อภรรยาของเขาหยิบขึ้นมาอ่านดู กลับพบว่าเธอชอบมันมากและอยากให้เขานำไปเสนอสำนักพิมพ์ ซึ่งในท้ายที่สุด ต้นฉบับจากถังขยะดังกล่าว ก็กลายเป็นหนังสือเล่มแรกของลุงเขาที่ถูกประมูลขายด้วยราคาสูงลิบ นิยายเล่มดังกล่าวมีชื่อว่า  Carrie  ครับ



ดังนั้นง่ายๆ ครับ ถ้าใครอยากเป็นนักเขียน นอกจากการ ‘เขียน’ แล้ว จง ‘ทำงาน’ นะครับ

iphone5 น่าใช้มาก


Iphone5 สุดยอดเทคโนโลยี


The star ก้าวสู่ฝัน


เส้นทางสู่ดวงดาว..ทำอย่างไรอยากเป็นดารา

Rising  the  Star… บทความจาก นิตยสาร MARS

เห็นว่าเป็นประโยชน์ดีสำหรับน้องๆที่มีความฝันสู่เส้นทางสายอาชีพบันเทิง เลยขอนำมาฝากกันค่ะ

เส้นทางคว้าดาว

บี้  เดอะสตาร์   กอล์ฟ-ไมค์   แพนเค้ก  เต้ยจรินทร์พร  ฯลฯ  เชื่อว่าเมื่อเอ่ยรายชื่อคนเหล่านี้ไม่มีใครไม่รู้จัก  คนเหล่านี้
เป็นเพียงส่วนหนึ่งของดาวหน้าใหม่ที่แม้นพึ่งจะโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่นาน  แต่กลับมีคนชื่นชอบหลงใหล  
และคลั่งไคล้อยู่ทั่วทุกหัวระแหง  ชื่อเสียง  แฟนคลับ  และรายได้ที่มาพร้อมกับสถานะแห่งความเป็นดาว  ทำให้วงการนี้
กลายเป็นวงการที่ใครหลายคนอยากจะเดินเข้าหา  ต่างพยายามหาหนทางดันตัวเองเข้าสู่วงการ  เพื่อหวังว่าตัวเองจะได้
เป็นดาราโด่งดังในซักวัน  บันไดสู่ดาวไม่ได้ปีนกันง่ายๆ แต่ยุคนี้มีบันไดหลายแบบให้เลือกไต่ตามความฝัน  มากขั้นบ้าง  
น้อยขั้นบ้าง  สารพัดวิธีที่คนรุ่นใหม่สามารถใช้สร้างโอกาสให้ตัวเองเกิดได้ การเตร็ดเตร่ตามแหล่งรวมตัวของวัยรุ่น
ให้ตัวเองเตะตาแมวมองก็ยังเป็นวิธีสุดคลาสสิกที่ใช้ได้ผลอยู่  หรือจะเลือกเข้าไปเพิ่มทักษะความสามารถของตัวเอง  
ทั้งด้านการแสดง  รวมไปถึงการฝึกฝนเส้นทางตามโรงเรียนต่างๆเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมลงสนามเวทีสร้างดาวสารพัดเวที


Step1

หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตาดีคือด่านแรกที่จะคัดเข้าสู่โลกมายา  ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องรูปลักษณ์เป็นอันดับหนึ่ง  
ก่อนจะหันไปพิจารณาทักษะความสามารถ  ทุกวันนี้เราจึงได้เห็นหนุ่มหล่อสาวสวยครองตำแหน่งพระเองนางเอก
ขาประจำละครหลังข่าว  ทั้งที่เล่นมากี่เรื่องต่อกี่เรื่องก็ยังไม่เห็นมีพัฒนาการสักทีหรือได้เห็นคนคลั่งไคล้นักร้อง
วัยรุ่นเสียงดีแบบบ้านๆ  หน้าตาน่ารัก  มากกว่านักร้องเสียงเทพที่ยังต้องปรับลุคอีกมากกว่าจะดูดี  แต่จะโจมตี
ว่าคนพวกนี้ใช้หน้าตาเป็นทางลัดสู่ความสำเร็จก็คงไม่ถูก เพราะสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือหน้าตาที่ดูสะอาดสะอ้าน
น่าชมมันเจริญหูเจริญตาและเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินในการรับชมผลงานของนักแสดงนักร้อง
นั้นๆ  ยิ่งถ้าบางคนรู้จักใช้ทักษะด้านอื่นที่ตัวเองมีเข้ามาชดเชยจุดด้อยบางคนทำหน้าที่เอนเตอร์เทนเนอร์ได้ดี
กว่าคนแสดงเก่งหรือเสียงดีซะอีก

ผิวดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง(เหมือนกัน)
    เส้นทางการเป็นดาราของแต่ละคนมีหลากรูปแบบแตกต่างกันไป  หนึ่งในเส้นทางนั้นคือ  การเป็นพรีเซ็นเตอร์
ถ่ายโฆษณา  บางโฆษณาอาจไม่ต้องการพรีเซ็นเตอร์ที่หน้าตาดีระดับวูเปอร์สตาร์อย่างโฆษณาครีมทาผิวมักจะ
ต้องการพรีเซ็นเตอร์ที่ผิวเป็นอันดับแรก ฉะนั้นใครที่ผิวดีแต่หน้าตาที่ยังไม่เข้าที่อย่าพึ่งหมดหัวง  เน้นจุดแข็ง
และพัฒนาจุดด้อยไปเรื่อยๆ  ถ้าได้งานโฆษณาครีมทาผิว (เห็นแต่ด้านหลัง)  ต่อไปอาจจะก้าวไปสู่โอกาสที่
ใหญ่กว่า (และได้โชว์หน้าเสียที) ก็เป็นได้

หน้าตาดี…สร้างได้
    ใครที่น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา  ว่าตัวเราหน่อเกิดมาหน้าตาอาภัพแล้วละก็  อย่าพึ่งหมดหวัง  เรื่องหน้าตา
ผิวพรรณนั้นครีมบำรุงสารพัดสูตรพอช่วยได้  ที่นิยมกันมากในหมู่สาวๆ  วัยทีนคือการอัดวิตามินเสริมอาหารเข้าไป  
สมัยนี้นอกจากจะมีคนหิ้วเครื่องสำอางแบรนด์นอกมาขายในราคาต่ำกว่าเคาน์เตอร์แล้ว ในรายการที่ต้องไปสอย
ติดมือกลับเมืองไทยเพื่อเอาใจลูกค้า  ยังต้องมีวิตามินพ่วงมาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้  หรือถ้าชอบหลักสูตรเร่งรัด
ขึ้นมาหน่อยสมัยนี้คลินิกรักาษผิวพรรณและสถานบันความงามผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด  ไม่เชื่อลองนับดูเวลาไป
เดินเล่นตามย่านช้อบปิ้งหรือห้างสรรพสินค้าดัง  เผลอๆ  ในย่านเดียวจะมีถึงสิบยี่ห้อ  แอดวานซ์ขึ้นไปอีกขั้นคือ
ใช้เทคโนโลยีช่วย  ไม่กี่ชั่วโมงก็สวยได้สมใจ  เด็กสมัยนี้นอกจากจะไม่กลัวหมอฟันแล้วยังไม่กลัวหมอศัลยกรรม  
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สาวๆมหาวิทยาลัยจะมีจมูกใหม่  หรือตาที่สวยเก๋กว่าเดิมมาอวดเพื่อนๆ  ในวันปิดเทอม  
แต่ก็ยังนับว่าดีกว่าที่เกาหลี  ซึ่งดารานักแสดงที่เราเห็นว่าสวยหล่อโดนใจนั้น  กว่า  90  เปอร์เซ็นต์ผ่านมีดหมอ
มาแล้วทั้งนั้น





Step2

โดดเด่นให้โมเดลลิ่งมอง
   ย้อนกลับไปราวสิบกว่าปีก่อน  สมัยที่ร้านแมคโดนัลด์หน้าสยามสแควร์เป็นจุดนัดพบทันสมัยที่เด็กหนุ่มสาวหน้าตาดี
นิยมไปแฮงก์เอาต์กัน  ความใฝ่ฝันของคนรุ่นใหม่ที่สนใจเข้ามาสู่วงการในยุคนั้นคือการมี แมวมอง  เข้ามาขอเบอร์  
หลังพยายามแย่งที่นั่งริมหน้าต่างให้ได้อยู่หลายวัน  มายุคนี้ที่ตั้งเดิมของร้านแมคฯ ถูกเปลี่ยนเป็นสตาร์บัคส์  นิตยสาร
วัยรุ่นอย่าง  เดอะบอยและ  เธอกับฉัน  กลายเป็นตำนาน  ขณะที่เต๋าสมชาย  เข็มกลัด  ซึ่งโด่งดังมาได้เพราะแมวมอง
พาขึ้นปกนิตยสารกำลังจะกลายเป็นพ่อคน  ถ้าเอ่ยคำว่าแมวมองขึ้นมาอาจถูกมองแปลกๆ เพราะตามกระแสที่กำลังอิน  
กลุ่มคนเหล่านี้เรียกตัวเองว่า  โมเดลลิ่ง  แต่ไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่าแมวหรือโมฯภารกิจก็เหมือนๆ กัน คือการปั้นดวงดาว
ใหม่ป้อนเข้าวงการบันเทิง  ด้วยการใช้เวลาอยู่ตามแหล่งวัยรุ่น  มองหาเด็กที่หน้าตาดีและมีแววว่าจะเกิดได้  แต่แค่
มองเด็กเป็นยังไม่พอ  โมฯ  ที่ดียังต้องมีวิธีในการเข้าหาเด็กเพื่อติดต่อขอชื่อ-เบอร์โทร  สำหรับเรียกเข้ามาถ่ายภาพ
ทำประวัติเก็บไว้  เพราะให้เด็กส่งรูปทางอีเมล  อาจพบปัญหาที่ตัวจริงกับในรูปที่ไม่เหมือนกัน  เพราะสาวตาโต  
จมูกโด่ง  คิ้วเข้มในภาพ  ถึงเวลาถ่ายจริงอาจยิ้มให้เหนฟันห่าง  เรียกเข้ามาถ่ายรูปยืนยันหน้าตากันเลยจะชัวร์กว่า  
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของประโยชน์สองฝ่าย  โมเดลลิ่งมีหน้าที่หางานป้อนเด็กด้วยการส่งภาพและประวัติไปเสนอบริษัท
ภาพยนตร์เอเยนซี่โฆษณาต่างๆ  ซึ่งจะเรียกเด็กไปเทสต์หน้ากล้อง  (แคสติ้ง)    อีกครั้งและเมื่อเด็กได้งานก็ถึงเวลา
ที่โมฯ  จะได้เปอร์เซ็นต์จากค่าตอบแทนที่ตกลงกันไว้  เด็กสมัยนี้สวย-หล่อเลือกได้  โยเด็กหนึ่งคนสามารถอยู่ในสังกัด
โมเดลลิ่งได้หลายแห่งและเลือกได้ว่าจะรับงานผ่านโมฯ  เสนองานเดียวกันเข้ามาดังนั้นโมฯ  ที่จะไปได้ดี  จำเป็นต้อง
มีเด็กในสังกัดไว้ให้มากที่สุด  ขณะเดียวกันก็ต้องขยันป้อนให้เด็กด้วย  ลักษณะแบบนี้ฟังดูเหมือนจะทำให้โมเดลลิ่ง
ต้องแย่งเด็กกัน  แต่ในทางปฏิบัติโมเดลลิ่งส่วนใหญ่จะยอมรับการตัดสินใจของเด็กและไม่ค่อยมีปัญหากระทบกระทั่งกัน  
เห็นจะมีก็แต่กรณีศึกชิงหนุ่มหน้าหวาน  มาริโอ้  เมาเร่อระหว่างเอ-ศุภชัย  ศรีวิจิตติ์  กับโกโก้-นิรุณ  ลิ้มสมวงศ์  โมเดลลิ่ง
ที่ครบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่และคนเก่าของนักแสดงหนุ่ม  ที่รุนแรงถึงขั้นมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล  เรื่องนี้คนใน
วงการบอกว่าเป็นกรณีเฉพาะบุคคลจริงๆ  สงครามโมเดลลิ่งเปิดศึกให้สะงคมสนใจอีกอีกครั้งระหว่างรุ่นใหญ่อย่างอุ๊บ-วิริยะ  
คงอาจหาญ  กับ  พจน์อานนท์  ซึ่งฝ่ายแรกเสนอให้ตั้งสมาคมนักปั้นแห่งประเทศไทย  โดยให้เหตุผลว่าจะช่วยให้การ
บริหารงานระหว่างกันของโมเดลลิ่งและการจัดการเด็กเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น  แต่ฝ่ายหลังไม่เห็นด้วยเพราคิดว่าไม่จำเป็น  
ขณะที่หลายคนยังไม่รู้ข้อมูลประเด็นความขัดแย้ง  เรื่องราวกับพัฒนาลุกลามไปเป็นสงครามการสาดโคลนในเรื่องส่วนตัว  
จนรายการบันเทิงมีเรื่องให้หยิบมาเมาท์กันสนุกปาก


ใช่ว่าทุกคนจะเป็นดาวได้
    หลายคนคงเคยตั้งคำถามว่านอกจากหน้าตาดีแล้ว  แมวมองมีวิธีในการคัดเลือกเด็กอย่างไรอีก  เราลองถามคำถามนี้
กับเมลโดว์(Meldow)  บริษัทโมเดลลิ่งน้องใหม่แต่มือเก๋า  ก่อนจะให้คำตอบเมลโดว์ชวนเรามองเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ผ่านหน้าต่างออฟฟิต เขาชี้ให้เราดูเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งสวมเสื้อยืดคอกลมเพนต์ลายกราฟฟิตี้สีฟ้าขาว กับกางเกงยีนส์
ขายาวออกแนว ฮิพ  ฮอพ  ที่กำลังพูดคุยพร้อมโบกมืออย่างออกรสถามกลางเพื่อนที่ห้อมล้อมและตั้งใจฟังดูแล้ว
น่าจะเป็นเด็กที่มีคาแร็กเตอร์โดดเด่น อย่างน้อยก็หน้าจะเดินในเส้นทางบันเทิงได้ไม่ยาก  แต่สายตาของผู้มี
ประสบการณ์มองเห็นอีกแบบ  คนนี้ยังไงก็ไม่มีโอกาสจะได้เป็นดาราเขาฟันธงด้วยความเชื่อมั่น  ไม่ใช่ว่าเขาไม่มี
ความสามารถ  เขาอาจเต้นเก่งหรือมีคาแร็กเตอร์ที่บงบอกตัวเค้าเอง แต่เขาไม่มีประกายหากได้คลุกคลีสัมผัสกับ
คนจำนวนมากแล้วจะรู้โดยเซนส์ว่าคนที่เป็นดาราจะมีประกายความเป็นดาวแสดงออกมาให้เราเห็นเพียงแค่เดินผ่าน
เราจะรู้สึกว่ายังไงก็ตามคนนี้แหละมีแววแน่นอน ไม่ว่าจะด้วยคาแร็กเตอร์ที่เขาเป็นหรือหน้าตาดีมาโดยกำเนิด  
ซึ่งสิ่งต่างๆ  เหล่านี้เป็นประกายที่ติดตัวมากับเขาและเราก้อสัมผัสตรงนั้นได้




Step 3

เข้าหาช่างปั้น    
    ถ้าการเป็นดาราขึ้นอยู่กับหน้าตาเพียงอย่างเดียว  วันนี้เราคงไม่เห็นโรงเรียนสอนร้องเต้น เล่น แสดง  ผุดขึ้นมาเป็น
ดอกเห็ด  สังเกตกันง่ายๆ  ว่าดาวบางดวงเกิดเกิดได้เพราะหน้าตาก็จริง  แต่ที่อยู่ในวงการได้ยาวนานส่วนใหญ่จะมี
พื้นฐานที่ดีและมีความขยันหมั่นเพียรในการเรียนรู้ศาสตร์แต่ละสาขาเพิ่มเติมตลอดเวลา  ที่หน้าสนใจคือโรงเรียนสอน
ทักษะต่างๆ ไม่เพียงเป็นแหล่งปั้นดาวดวงใหม่เข้าสู่วงการเท่านั้นแม้แต่นักร้องหรือนักแสดงมืออาชืพก็ยังต้องหวน
กลับมาเรียนที่โรงเรียนสอนการแสดงหรือสอนเต้นเพื่อเพิ่มศักยาภาพของตนเองให้มากขึ้นจะได้ไม่ถูกคลื่นลูกใหม่
ซัดหายเข้าฝั่งได้ง่ายๆ

พ่อแม่จอมดัน
    ไม่หน้าแปลกใจนักที่การเรียนร้องเพลง  หรือเรียนการแสดง  จะกลายเปนเทรนด์ฮิตของเด็กวัยรุ่นที่ต้องการปูพื้น
ความสามารถก่อนเข้าวงการบันเทิง เพื่อดึงเอาทักษะของตัวเองที่อาจเคยมองข้ามไปให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อายุต่ำสุดของเด็กที่เข้ามาเป็นนักเรียนในโรงเรียนการแสดงคือสามขวบ เมื่อเรียนไปสักพัก พอเขารู้ว่าเขาแสดงได้
ก็จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เข้าอยากเป็นดารา หากเด็กมีความสามารถเรามีช่องทางพ่อแม่เขายินยอม เราก็พร้อม
ที่จะสนับสนุนเพราะเด็กทุกคนจะได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองการเรียน สามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครงาน 
หรือเป็นพอร์ตโฟลิโอ(portfolio) ในการแคสติ้งได้อยู่แล้ว


บล็อกปั้มดาว
    ถ้าจะให้ยกตัวอย่างศิลปินที่ได้ดีเพราะสถาบันปั้น  กอล์ฟ-ไมค์  จะฉายภาพให้เห็นได้ชัดที่สุดคู่นี้เกิดได้เพราะโครงการ
ปั้นดาวและเป็นต้นแบบของบล็อกปั้มดาวในเวลาต่อมา  กอล์ฟ-ไมค์  ใช้เวลากว่าห้าปีในการเตรียมตัว  โดยการเริ่ม
เป็นสมาชิกโครงการ  จี-จูเนียร์  ซึ่งแกรมมี่ตั้งขึ้นเป็นโครงการต้นแบบเพื่อผลิตนักร้องที่มีความสามารถให้พร้อมทั้ง
การร้องและการเต้น





Step 4
ดังดีเพราะมีแม่ยก


    ในยุคกระแสรายการแนวเรียลลิตี้กำลังมาแรงการแหย่ขาเข้าร่วมรายการแข่งขันร้องเพลงสักรายการ  อาจเป็น
วิธีง่ายที่สุดที่จะเป็นคนธรรมดาให้แจ้งเกิดได้เพียงข้ามคืนเพราะโอกาสในการเรียกคะแนนนิยมจากผู้ชมทางบ้าน
ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ บนเวทีประกวดหมายถึงแทบทุกนาทีเพราะในรายการเหล่านี้มีแม่ยกทั้งรุ่นเล็ก
รุ่นใหญ่ค่อยจับตาดูคุณอยู่ตลอดกระทั่งในยามหลับ

เสียงไม่ดีก็ดังได้
     สิ่งที่น่าสนใจของเวทีประกวดร้องเพลงแนวเรียลลิตี้ก็คือคนที่  ยิง  ได้โดนใจผู้ชมมากที่สุด  แม้จะไม่ได้
เป็นแชมป์ประจำฤดูกาลก็ตาม  บางคนอาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า  บี้-สุกฤษฏิ์  วิเศษแก้ว  ไม่ได้เป็นแชมป์เวที
เดอะสตาร์  ส่วนอ๊อฟ-ปองศักดิ์  รัตนพงษ์ ก็ไม่ได้ตำแหน่งชนะเลิศจากเอเอฟ  แต่ทั้งหน้าตาน้ำเสียง และ
ความสามารถที่มีเกินตัวทำให้หลายต่อหลายคนคลั่งไคล้ จนมีแฟนคลับมากขึ้นเรื่อยๆ   ถึงขั้นแซงหน้าคนที่ได้
รางวัลในเวทีนั้นๆ สังเกตได้ว่าผู้เข้าประกวดส่วนใหญ่ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี  และรู้สึกว่าแม้จะไม่ได้เข้ารอบ
แปดคนสุดท้าย  แต่แค่ได้เป็นหนึ่งในตังอย่างของการออดิชั่นที่นำมาออกอากาศก้อเรียกว่าพอใจแล้วตัวผู้จัดก็
พยายามปั้นดาวให้ได้มากกว่าหนึ่งดวงในแต่ละซีซั่นที่เห็นชัดเลยคือค่ายเอเอฟที่เด็กจะถูกส่งเข้าวงการบันเทิง
ในฐานะเอนเตอร์เทนเนอร์รูปแบบต่างๆ  ทั้งการเป็นพิธีกร  วีเจ  แสดงโฆษณา หรือละคร การออกอัลบั้มเดี่ยว
และอัลบั้มกลุ่ม  แม้นจะไม่ได้เป็นเป็นดาวเจิดจรัสผ่านไมโครโฟน แต่ก้อเด่นไม่แพ้ดารานักแสดงคนอื่นๆ  รวมทั้ง
ยังมีผลงานให้แม่ยกติดตามกันอย่างเหนียวแน่น

Academy  Fantasia  vs  La  Academia
ต้นแบบของรายการ  Academy Fantasia  คือ  La  Academia  รายการเรียลลิตี้ที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกาและใช้
ตัวอักษร  V  เป็นตัวแทนผู้เข้าแข่งขันสร้างการจดจำที่ง่ายขึ้นสำหรับแฟนคลับที่ต้องการให้โหวตให้คนที่ตัวเองรักได้
เข้ารอบเรียกได้ว่ายังเป็นจุดเริ่มต้นของแฟนคลับที่ไม่ว่าวีไหนจะทำอะไรก็จะค่อยติดตามตลอด




Step  5
พี่ไม่ต้อง  น้องจัดให้
  

    วิธีสุดท้ายเป็นแบบทางลัดไม่ต้องไปรอแมวมองให้เสียเวลา  รวบรวมความกล้าไปต่อคิวขึ้นเวทีประกวด เพียงเลือก
รูปที่คิดว่าดีที่สุดของตัวเองส่งไปทางสื่อนิตยสาร  มีคอลัมน์ให้คนทางบ้านเข้ารวมสนุกกันเยอะ และอยากได้ดาว
ดวงใหม่หน้าตาสดใส่มาประดับวงการอย่าท้อใจถ้ารูปคุณได้ลงเพียงครึ่งหน้าเพราะภาพที่ได้ลงนิตยสารส่วนใหญ่
จะดูดี   วิธีง่ายๆกว่านั้นก็ยังมี  สมัยนี้เป็นยุคอินเตอร์เนท พกกล้องเป็นอาวุธคู่กาย  ไม่ว่าใครเลยอัพโหลดภาพถ่าย
แบ๊วๆ  ของตัวเองขึ้นเว็บกันได้ หรือสร้างอลัมบั้มส่วนตัวฝากไว้ตามเว็บ แม้นจะไม่เห็นผลในทันตา แต่ไม่ควรดูถูก
พลังแห่งการฟร์เวิรด์ภาพและลิ้งก์ อย่าลืมว่า บอลลูน-พินทุ์สุดา  ตันไพเราะห์ ก็ดังมาจากอินเตอร์เน็ต  ถ้าภาพถ่าย
ของคุณเด่นสะดุดตาแล้วละก้อ  ต่อจากนี้จะมีโมเดลลิ่งติดต่อเข้ามาเองถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อเข้าสู่วงการบันเทิง
แบบไม่ลำบาก อย่าลืมการอัพโหลดรูปไปตามเว็บต่างๆ  ถ้าใช้โฟโต้ช้อบตกแต่งจนเพลินเกินไปหน่อยเอาเข้าจริง
อาจถูกคัดทิ้งทันทีที่โมเดลลิ่งเจอตัว  จะให้ดีเมื่อได้โอกาสมาแล้วให้พยายามปรับปรุงตัวเองให้ดูดีสมกับภาพ
จะดีกว่าถึงเวลาจะได้พูดได้เต็มปากว่า  ของดี  เทคนิคไม่ต้องธ้ำ